บทนำ

            เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฏในเว็บไซด์ Rakoonda เป็นการรวบรวม และวิเคราะห์ สังเคราะห์จากตำราทำนายฝันทั้งของไทย และของชนชาติตะวันตก ซึ่งเป็นการนำเสนอเชิงเปรียบเทียบ ไม่ตัดสินว่าแนวความคิดชาติได้ถูกหรือผิด และไม่ปักใจเชื่อว่าข้อมูลใดถูกต้อง ฉะนั้นผู้อ่านจะต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านเอง ทางทีมงาน และเว็บไซด์ไม่มีเจตนาจะชักจูง หรือโน้มน้าวให้เชื่อ แต่เนื่องจากผู้เรียบเรียยงมีความสนใจ และศึกษาเรื่องเกี่ยวกับความเร้นลับ เกี่ยวกับความฝันมาเป็นเวลาหลายสิบปี และศึกษาค้นคว้า ตำราต่างมากมายๆ และอยากนำมาถ่ายทอด เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตสำหรับใครๆ ที่สนใจศาสตร์แขนงนี้      

กฤษะพราหมณ์ บุตรเทวะ (2561) สังคมไทยเป็นสังคมพหุความเชื่อ ที่มีความหลากหลายทางศาสนา ผสมกลมกลืนกันระหว่าง พุทธ ฮินดู ดังปรากฏความเชื่อในเรื่องวิญญาณ สิ่งเร้นลับ รวมถึงเรื่องของ ความฝัน ซึ่งครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ พราหมณ์ ปุโรหิต พระมหาราชครู ได้ร่วมกันสร้างบรรทัดฐานการวางกรอบการทำนายความฝันไว้มาแต่โบราณ พร้อมแบ่งความฝันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ บุพพนิมิต จิตอาวรณ์ เทพสังหรณ์ ธาตุกำเริบ

โย บรรยงค์ (2565) ตามหลักพระพุทธศาสนา ความฝันเป็นสุบินวิถี ซึ่งก็ คือ วิถีจิตที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับไม่สนิท และเกิดขึ้นในมโนทวารโดยตรง แต่การนอนหลับไม่สนิทนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่บอกเวลาว่าจะเกิด ความฝันได้เท่านั้น ยังมีเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดความฝันได้อีก

ตามหลักพระอภิธรรม  วิถีจิตที่เกิดขึ้นในขณะที่ฝันนี้เป็นกามชวนะที่เกิดในทางมโมทาร คือ การรับกามอารมณ์ทางใจเท่านั้น วิถีฝัน หรือสุบินวิถีไม่อาจเกิดทางปัญจทวารได้เลย คนที่ยังมีกิเลสเท่านั้นที่หลับแล้วมีความฝันปรากฏ ส่วนพระอรหัสไม่มีความฝัน

สรุปได้ว่า “สังคมไทย เป็นสังคมพหุความเชื่อได้รับอิทธิพลจาก หลากหลายเชื่อชาติศาสนา และตามหลักพุทธศาสตร์ และหลักพระอภิธรรม กล่าวว่า คนที่ยังมีกิเลสเท่านั้นที่หลับแล้วมีความฝันปรากฏ ขณะนอนหลับไม่สนิท และ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่บอกเวลาว่าจะเกิด ความฝันได้เท่านั้น ยังมีเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดความฝันได้อีก

ความฝันออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 

1. บุพพนิมิต หรือ กรรมนิมิต กฤษะพราหมณ์ บุตรเทวะ (2561) กล่าวว่า เป็นฝันอันเกิดแต่กรรม หรือฝันที่เกิดจากการที่เราเคยผูกพันกับ
   • วิญญาณของบุคคลหรือสัตว์ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อนในภพชาติก่อน ๆ เข้ามาในความฝันเพื่อบอก หรือสื่อสารถึงสิ่งที่ต้องการรวมถึงมาแจ้งว่าที่หากันมานาน บัดนี้ได้มาพบเจอแล้ว
   • วิญญาณของบุคคลหรือสัตว์เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อนในภพชาติปัจจุบัน โดยเฉพาะบุคคลที่พึ่งตายลงไม่นาน ได้ถูกยมทูตที่มีหน้าที่ควบคุมวิญญาณ นำพามาให้เข้าฝันเพื่อบอกลา หรือแจ้งสิ่งต่าง ๆ ที่วิญญาณต้องการให้ทราบ
   • เจ้ากรรมนายเวรไม่ว่าจะในภพชาติอดีต หรือภพชาติปัจจุบันที่ได้สิ้นลมหายใจ ตามมาถึงตัวด้วยวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง อันเป็นวัตถุประสงค์อันแรงกล้าได้เข้ามาสื่อสารในความฝันต่อบุคคลคนนั้น เกิดเป็นลางบอกเหตุที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า กระทำทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องไม่ดี รวมทั้งมีไม่น้อยที่เข้ามาในความฝันเพื่อแก้แค้นเอาคืน

ทั้งนี้ ความฝันรูปแบบบุพพนิมิต หรือ กรรมนิมิต นั้น บางคนอาจจะเห็นสิ่งที่เรียกว่า คตินิมิต เป็นภาพที่ ๆ จะไปเกิดในชาติหน้า เช่น  ใครที่จะไปเกิดในสวรรค์ คนนั้นจะนึกเห็นวิมาน ใครจะไปเกิดเป็นประเภทสัตว์กินหญ้า จะนึกเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจี บางคนนึกถึงภาพโบสถ์วิหารที่ตนเคยสร้าง

ภาพเหล่านี้เป็นนิมิตที่บอกล่วงหน้าว่าเราจะไปเกิดในภพภูมิใดดังภาพที่บางคนฝันเห็นล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุการณ์จริง ๆ หรือที่เรียกว่า เดจาวู

….แต่ส่วนใหญ่มักเจอเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่ต้องพบกับความสูญเสียการชดใช้กรรม ส่งผลให้ผู้ที่ฝันเช่นนี้ ทุกข์ร้อนในจิตใจ อันเป็นไปตาม กรรมนิมิต เช่น บางคนฝันเห็นภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของการทำกรรมอยู่บ่อย ยกตัวอย่าง คนที่รับจ้างฆ่าวัว ฆ่าควาย ก็มักจะเห็นมีดที่ตนเคยใช้ฆ่าวัวปรากฏอยู่ในฝัน นั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเราตกอยู่ใต้พลังของกรรมนั้น

2. จิตอาวรณ์ หรืออนุภูติบุพพะ บ้านใบบุญและบัณฑิตคืนถิ่น (2564) กล่าวว่า จิตไปผูกพันอยู่กับสิ่งใดมากๆ ก็อาจฝันถึงสิ่งนั้นได้

กฤษะพราหมณ์ บุตรเทวะ (2561) กล่าวว่า จิตอาวรณ์ หรือ อนุภูติบุพพะ เป็นความฝันที่เกิดขึ้น เพราะใจยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่ส่วนใหญ่จะรู้ตัวและคิดถึง นึกถึงเรื่องนั้น สิ่งนั้น คนนั้น อยู่บ่อย ๆ เสมอ ๆ จนแทบจะปล่อยให้หลุดออกจากความคิดได้ยาก เพราะฝังเข้าไปในจิตเสียแล้ว ดังที่เรียกว่า จิตอาวรณ์

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากที่ได้นอนหลับและระบบของร่างกายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้ามาในฝันตามแบบบุพพนิมิต จึงถูกผลักดันด้วยกระบวนการของจิตใต้สำนึก ก่อเกิดการฝันขึ้นมา

3. เทพสังหรณ์ หรือ เทวโตปสังหรณ์ เป็นความฝันอันมีมูลเหตุมาจาก บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ที่ยังมีความห่วงใยและผูกพันรวมถึง เทวดาที่เคยมีกรรมต่อแต่กันมา เช่น เคยไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใด ไปบนบาน ไปแก้บน ณ สถานที่ไดที่หนึ่งอันเป็นการกระทำที่ทำให้องค์เทพเทวา ซึ่งใช้สถานที่แห่งนั้นเป็นจุดรับสัญญาณการบนบานการอธิษฐาน…ท่านเกิดความพึงพอใจและอยากตอบแทน จึงนำข่าวดีหรือเตือนข่าวร้าย ให้ปรากฏในความฝัน

ข่าวดี อาจจะมาในลักษณะของความฝันที่สำแดงแจ้งเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือมาในรูปสัญลักษณ์และเรื่องราวต่าง ๆ ผู้ฝันต้องนำไปตีความ หรือนำไปตีเป็นตัวเลขด้วยตนเอง

ข่าวร้าย อาจจะมาในลักษณะของเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งท่านจะจำแลงด้วยกายทิพย์ แต่งองค์ลงมาแจ้งข่าว ตักเตือนผู้ฝัน ให้รู้ตระหนักรู้ ถึงสิ่งร้าย ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

4. ธาตุกำเริบ เป็นความฝันที่แตกต่างความฝันทั้ง 3 ประเภท เพราะในทางการแพทย์แผนไทยถือว่าเกิดจาก

• สภาพร่างกายมีความแปรปรวน
• นอนในท่าทางที่ไม่ปกติ
• เกิดจากระบบการย่อยอาหารทำงานไม่ปกติ

สรุปแล้วเป็นความฝันที่เกิดขึ้นจาก ธาตุไม่ปกติ (ธาตุพิการ) ทำให้เกิดการฝันไปต่าง ๆ นา ๆ ได้ ส่วนใหญ่เป็นฝันร้าย หรือฝันที่อึดอัด เช่น ฝันว่าตกจากที่สูง หรือฝันว่าถูกไล่ล่า ไล่ตามทำร้าย ทำให้เป็นทุกข์ เกิดความกังวล

ในทางการแพทย์อ้างอิงกระบวนการศึกษาและทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่สัมพันธ์กับความฝัน

คลังความรู้Scimatch (2559) กล่าวว่า ฝันมักเกิดขึ้นในการหลับระยะ REM เป็นหลัก เมื่อกิจกรรมของสมองเพิ่มสูงขึ้นเสมือนว่ากำลังตื่นอยู่ การหลับระยะ REM สามารถบอกได้จากการกลอกไปมาของลูกตาขณะหลับ ทั้งนี้ ฝันสามารถเกิดได้ในการหลับขั้นอื่น แต่ฝันเหล่านั้นมีแนวโน้มสมจริงหรือผู้ฝันจำได้น้อยกว่ามาก ฝันกินระยะเวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงยี่สิบนาที บุคคลมักจำฝันได้มากกว่าเมื่อตื่นขึ้นหากฝันในระยะ REM โดยเฉลี่ย บุคคลมีฝัน 3 ถึง 5 ฝันต่อคืน ฝันมีแนวโน้มนานขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ระหว่างการหลับ 8 ชั่วโมง บุคคลจะใช้เวลากับการฝันสองชั่วโมง ความฝันที่จำได้ ส่วนใหญ่ (80-90%) เกิดในช่วงของการหลับแบบ ตากระตุก ความฝันที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆของการหลับมักจะถูกลืม ส่วนใหญ่ที่ถูกจำได้นั้นจะเป็นความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อใกล้ตื่น หรือฝันจนตื่น ส่วนใหญ่ความฝันจะอยู่ในรูปของการเห็น รองลงมาจะเป็นรูปของการได้ยิน,การสัมผัส และความเจ็บปวด

สำหรับนักจิตวิทยาสมัยใหม่ ที่ศึกษาขบวนการการเกิดความฝันของคน มองว่าความฝันนั้น เป็นหนึ่งในกลไกทางจิต เพื่อปลดปล่อยความกลัดกลุ่ม และความตึงเครียดภายในจิตใจ ดังนั้นเมื่อเกิดการฝันขึ้น จะทำให้สภาพจิตใจรู้สึกผ่อนคลายลง โดยระบุถึงสาเหตุที่ทำให้คนเราฝัน

ซิกมันด์ ฟรอยด์  จิตแพทย์ชาวเยอรมัน ผู้เป็นบิดาแห่งจิตวิทยา ถูกอ้างถึงใน คลังความรู้Scimatch (2559)   เชื่อว่าความฝันเป็นความปรารถนาลึกๆ ภายในจิตใจของมนุษย์ มักจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องราวที่คนเราอยากจะทำเป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำได้ เช่น เรื่องความรุนแรงทางเพศ หรือการคุกคามทางเพศ เป็นต้น ดังนั้นจิตใต้สำนึกจึงเก็บรวบรวมความปรารถนาเหล่านี้เอาไว้และแสดงออกมาในรูปแแบบของจินตนาการในความฝันขณะนอนหลับแทน “เราจึงมักจะฝันเรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้”

กฤษะพราหมณ์ บุตรเทวะ (2561) กล่าวว่า Sleep Paralysis แบ่งเป็น 2 ประเภท ซึ่งสัมพันธ์กับวงจรการนอนที่เรียกว่า REM (Rapid Eye Movement) เป็นช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของลูกนัยน์ตากลอกไปมาด้วยความเร็ว

ในหนึ่งคืนมนุษย์จะเกิดช่วง REM ได้ประมาณ 4-5 รอบ จึงเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เกิดการฝัน แต่ร่างกายคล้ายเป็นอัมพาต ไม่มีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อต่าง ๆ หากมีเหตุต้องตื่นขึ้นมาในช่วงนี้ก็จะจำความฝันได้

แต่หากระดับในการนอนช่วง REM ไม่ลึกพอ จะเหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่เต็มที่ ส่งผลให้รู้สึกว่าเคลื่อนไหวไม่ได้ เมื่อความรู้สึกตัวแต่ไม่เต็มที่รวมกับระยะของวงจรการนอนที่มีความฝัน จึงทำให้เห็นหรือรู้สึกไปต่าง ๆ นานา

ดังนั้น วงจรการนอนหรือ REM Sleep จึงสัมพันธ์กับ Sleep Paralysis ในสองลักษณะ คือ

The Common Sleep Paralysis ส่วนใหญ่เกิดในช่วง REM เป็นสภาวะที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เพื่อไม่ให้ร่างกายขยับตามความฝัน เป็นการลดโอกาสทำให้ร่างกายได้รับอันตรายระหว่างหลับฮอร์โมนนี้จะหมดไปก่อนที่ฝันจะจบ และบุคคลนั้นก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับอวัยวะทุกอย่างที่ใช้งานได้อย่างปกติ

สำหรับคนที่เป็น Sleep Paralysis หรือในเมืองไทยเรียกว่า ถูกผีอำนั้น ก็เพราะตื่นหรือรู้สึกตัวขึ้นมาในช่วงที่ฮอร์โมนยังคงทำงานอยู่และยังไม่หมดไป จึงพบว่าร่างกายขยับไม่ได้ชั่วคราว ส่วนมากเกิดขึ้นราว 1 นาที หรืออาจนานกว่านั้น แต่คนที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้น จะรู้สึกเหมือนนานเป็นหลายนาที

The Hallucinatory Sleep Paralysis คือ อาการที่ไม่สามารถขยับได้ระหว่างหลับ ร่วมกับการเห็นภาพหลอน จะทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีบางคนอยู่ในห้อง ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่ามีผีมากด หรือนอนทับทำให้หายใจไม่ออก กำลังจะตาย! แต่ความจริงแล้วก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ที่สำคัญสภาวะนี้อยู่ได้ถึง 8 นาที จึงทำให้เกิดความรู้สึกยาวนานทบเท่าทวีคุณ โดยพื้นฐานแล้วมีมูลเหตุเช่นนี้มาจากการฝันแบบธาตุกำเริบอีกเช่นกัน

จากความเชื่อเกี่ยวกับความฝันในทางพุทธศาสนา ที่ผสมกลมกลืนกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ได้กล่าวมานี้ ทำให้ ความฝัน โดยเฉพาะ บุพพนิมิต และ เทพสังหรณ์ รวมถึง ผีอำจากธาตุกำเริบถูกนำไปเชื่อมโยงกับ ลางสังหรณ์ การเตือนภัย การพยากรณ์ล่วงหน้า

            สำหรับบทนำนี้ผู้เขียนได้เรียบเรียงจากตำรา และบทความต่าง ๆ ที่น่าสนใจเพื่อนำมาบอกเล่าถึงที่มาที่ไปซึ่งเราจะเรียบเรียงเรื่องราวต่าง ๆ โดยจัดเป็นหมวดหมู่ ซึ่งเป็นการรวบรวมจากหลากหลายสำนักทั้งของที่ประเทศไทย และสากล รวมถึงที่มีปรากฎในเว็บไซด์ บทความต่างๆ ที่น่าสนใจเพื่อนำมาเผยแพร่เป็นสาธารณะโดยไม่แสวงหากำไร แต่เพื่อต่อยอดในการการศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับนี้  ทั้งนี้ไม่ว่าความนั้นจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ส่วนใหญ่มักจะมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ฝันอยู่เสมอ โดยเฉพาะความฝันที่กล่าวกันว่าเป็นลางบอกเหตุ

            เนื้อหาในเว็บไซด์นี้ข้าพเจ้า ขออุทิศบุญกุศลที่จะเกิดขึ้นจากการเผยแพร่องค์ความรู้ และส่งต่อให้ผู้ที่สนใจในศาสนต์แขนงนี้เกิดปัญญา สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน นำสิ่งที่ได้จากบทความไปเป็นวิถีแนวทางที่ถูกต้อง ตามหลักศาสนา ไม่งมงาย มีสติ และเป็นถึงพร้อมความวิริยะ อุสาหะ และทักษะทั้งปวง ให้แก่ครู อาจารย์ เจ้าของตำราที่ผู้เขียนได้นำมากล่าวอ้างเพื่อประโยชน์ต่อชนรุ่นหลังสืบไป

                                                                                                                                                                                                                                                ขอแสดงความนับถือ

                                                                                                                                                                                                                                                 นายสันต์ทศน์ กาญธีรานนท์

                                                                                                                                                                                                                                                ผู้เขียน และเรียบเรียง

อ้างอิง

กฤษะพราหมณ์ บุตรเทวะ (2561) คู่มือทำนายฝัน พยากรณ์ชีวิต ลางบอกเหตุ เลขมงคล ฉบับสมบูรณ์. นนทบุรี : สำนักพิมพ์ธิงค์ บียอนด์ บุ๊คส์.

โย บรรยงค์ (2565) ตำราทำนายฝัน— กรุงเทพ : สำนักพิมพ์ เพชรประกาย

บ้านใบบุญและบัณฑิตคืนถิ่น (2564) พระพุทธองค์ทรงกล่าวถึง #สาเหตุแห่งความฝันไว้ ๔ ประการ

คลังความรู้Scimatch (2559) ฝัน ดาว์นโหลดเมื่อวันที่  6 พฤศจิกายน 2566. https://www.scimath.org/article-science/item/6655-dream